สุขศึกษาและพลศึกษา
[การละเล่น] [โรคประจำถิ่น]
ขาโถกเถก
อุปกรณ์
ขาโถกเถก ทำด้วยไม้ไผ่ยาวประมาณ 2-3 เมตร จำนวน2 ท่อน ขากนั้นเจาะรูเพื่อทำขาสำหรับวางเท้า เมื่อขึ้นยืนแล้วเดินไปโดยไห้มีความสูงตามต้องงการที่เหมาะกับความสามารถในการทรงตัวของผู้เล่น การเจาะรูนั้น
ต้องตรงกันกับไม้ทั้ง 2 และทำไห้แข็งแรงมั่นคง
วิธีการเล่น
-
การเริ่มต้น ผู้เล่นจะขึ้นไปยืนบนขาโถกเถก
-
เดินแข่งกัน โดยไม่ให้ตกลงมาหรือเสียการทรงตัว
-
การสิ้นสุดการเล่น ใครที่เดินานมีระยะทางไกลกว่าหรือถึงเส้นชัยก่อนโดยที่ไม่ตกเลยจะเป็นผู้ชน
ประโยชน์
ทำให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลิน สนุกสนานในการเล่น และได้ทักษะการทรฝตัว
กลับด้านบน
โรคประจำถิ่น
โรคฉี่หนู
สาเหตุ
- ระยะเชื้อเข้ากระแสเลือด Leptospiremic เมื่อเชื้อเข้าร่างกายจะเข้าสู่กระแสเลือด ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้คือ
- ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะทันที มักจะปวด บริเวณหน้าผาก หรือหลังตา บางรายปวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง
- ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงมากโดยเฉพาะบริเวณน่อง โคนขา กล้ามเนื้อหลังและมีอาการกดเจ็บกล้ามเนื้อ
- ไข้สูง 28-40 องศา เยื่อบุตาแดง
- ระยะร่างกายสร้างภูมิ (immune phase) ในรายที่อาการไม่รุนแรง หลังจากมีไข้แล้ว 7 วันจะมีระยะที่ไม่มีไข้ 1-2 วันหลังจากนั้นจะเกิดไข้ขึ้นอีกครั้ง ไข้ระยะนี้จะขึ้นวันละ 2 ครั้ง จะมีอาการปวดศีรษะ สับสน หรือซึม เบื่ออาหาร เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ มีผื่น ตรวจเลือดพบการทำงานของตับ และการทำงานของไตผิดปกติ ตรวจพบเชื้อในเลือดและน้ำไขสันหลังในระยะ1-2 วันของระยะโรคนี้ ระยะนี้ถ้าเจาะเลือดจะพบภูมิต่อเชื้อเพิ่ม ระยะนี้กินเวลา
อาการ
ภาวะเยื่อบุตาบวมแดงเกิดขึ้นในตาทั้งสองข้างภายใน 3 วันแรกของโรค และอยู่ได้นานตั้งแต่ 1-7 วัน อาจจะพบร่วมกับเลือดออกที่ตาขาวข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
- กดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่น่อง
- มีเลือดออกแบบต่างๆ โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง เช่นจุดเลือดออกตามผิวหนัง petichae ผื่นเลือดออก purpuric spot
เลือดออกใต้เยื่อบุตา conjunctival haemorrhage หรือเสมหะเป็นเลือด
- ผื่น อาจจะพบได้หลายแบบ ผื่นแดงราบ ผื่นแดง ผื่นลมพิษ
- อาการเหลือง อาการเหลืองมักเกิดวันที่4-6 ของโรค
การรักษา
สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ควรให้ยาเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หรือไม่ควรเกิน4วัน หลังจากมีอาการเป็นอย่างช้า
ระยะเวลาที่ให้นานอย่างน้อย 7 วัน โดยชนิดของยาปฏิชีวนะจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของอาการ

ที่มา : http://www.prapayneethai.com/
กลับด้านบน
|