กลุ่มสาระศิลปะ
[นาฏศิลป์] [ดนตรี] [ศิลปะ]
นาฏศิลป์

ชื่อชุดการแสดง : ตารีกีปัส (Tarikipas)
ประวัติที่มา : เป็นนาฏศิลป์พื้นเมืองของชาวไทยมุสลิมทางใต้ คำว่า ตารีกีปัส เป็นภาษามลายูท้องถิ่น
หมายถึงการฟ้อนรำที่ใช้พัดเป็นส่วนประกอบทำนองเพลงที่ใช้นำมาจากการแสดงชุด“ตาเรียนเนรายัง”
ซึ่งเป็นเพลงประกอบการแสดงระบำประมงของชาวมาเลเซีย ส่วนชื่อเพลง คือ อีนัง ตังลุง เป็นเพลงผสม
ระหว่างมลายูกับจีน
รูปแบบการแสดง : การแสดงตารีกีปัส มีรูปแบบการแสดงเป็นหมู่ระบำ ซึ่งรูปแบบการแสดงมีอยู่
2 ลักษณะคือ
การแสดงเป็นคู่ ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง
การแสดงเป็นหมู่ระบำโดยใช้ผู้หญิงแสดงล้วน
ใช้พัดประกอบการแสดง ประกอบกับเพลงที่มีความไพเราะน่าฟัง ลีลาท่ารำจึงอ่อนช้อย
การแต่งกาย : การแต่งกาย มี ๒ ลักษณะ คือ
๑. การแต่งกายแบบแสดงคู่ชายหญิง นิยมแต่งตามลักษณะของชนชั้นสูงของชาวไทยมุสลิมเต็มยศ
๒. การแต่งกายแบบผู้หญิงล้วน เป็นการแต่งกายที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้ในการแสดงชุดพิธีเปิดสนาม
งานกีฬาเขตแห่งประเทศไทยครั้งที่ ๑๔จ.ปัตตานี พ.ศ. ๒๕๒๔ ซึ่งมีลักษณะสำคัญ คือ เสื้อในนางไม่มีแขนสี
ดำผ้านุ่งเป็นโสร่งบาติกหรือผ้าซอแกะ สอดดิ้นเงินทองแบบมาเลเซียตัดเย็บแบบหน้านางหรือเลียนแบบจับจีบ
หางไหล ผ้าสไบ สำหรับคลุมไหล่ จับจีบเป็นใบด้านหน้า
ที่มา : https://sites.google.com/site/sineenarticezy/silpa-dntri-phun-meuxng-phakh-ti/ta-rikipas
กลับด้านบน
ดนตรี
เครื่องดนตรีพื้นบ้านไทยภาคใต้ทับ

เป็นเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญ ในการให้จังหวะควบคุมการเปลี่ยนแปลงจังหวะและ เสริมท่ารำของ
การแสดงโนราให้ดีเยี่ยม ตัว ทับมีลักษณะคล้ายกลองยาวแต่มีขนาดเล็กกว่า มาก ยาวประมาณ ๔๐-๕๐ เซนติเมตร
ทำด้วยไม้แก่น ขนุน หุ้มด้วยหนัง เช่น หนังค่าง หนังแมว ตรึงหนัง ด้วยเชือกด้ายและหวาย ทับใบหนึ่งจะมีเสียงทุ้ม
เรียกว่า “ลูกเทิง” ส่วนอีกใบ หนึ่งจะ มีเสียงแหลมเรียกว่า “ลูกฉับ”
กลองโนรา

ใช้ประกอบการแสดงโนราหรือหนัง ตะลุง โดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหน้า กลองทั้ง ๒ ด้าน
ประมาณ ๑๐ นิ้ว และมี ส่วนสูงประมาณ ๑๒ นิ้ว กลองโนรานิยมทำด้วยแก่น ไม้ขนุน เพราะเชื่อว่าทำให้เสียงดี
หนังที่ หุ้มกลองใช้หนังวัวหรือควายหนุ่ม ถ้าจะให้ดีต้องใช้หนังของลูกวัวหรือลูกควาย มี หมุดไม้หรือภาษาใต้
เรียกว่า “ลูกสัก” ตอกยึดหนังหุ้มให้ตึง มีขาทั้งสอง ขาทำด้วยไม้ไผ่มีเชือกตรึงให้ติดกับ กลอง และมี ไม้ตีขนาด
พอเหมาะ ๑ คู่ ถ้า เป็นกลองที่ใช้ประกอบการแสดงหนังตะลุง จะมี ขนาดเล็กกว่า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ ๖ นิ้ว และมีส่วนสูงประมาณ ๘ นิ้ว
โหม่ง

เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีชนิดหนึ่ง ใช้ตีประกอบจังหวะ โหม่ง คือ ฆ้องคู่ เสียงต่างกันที่เสียงแหลม
เรียกว่า “เสียงโหม้ง” ที่เสียงทุ้มเรียกว่า”เสียงหมุ่ง” หรือ บางครั้งอาจจะเรียกว่าลูกเอกและลูกทุ้มซึ่งมีเสียงแตก
ต่างกันเป็นคู่ห้าแต่ปัจจุบันเป็นคู่แปด วิธีตีโหม่งในวงเครื่องสายหรือปี่พาทย์ ผู้ตีนั่งขัดสมาธิ ให้โหม่งวางอยู่
ตรงหน้า จับไม้ตีตีตรง กลางปุ่มด้วยน้ำหนักพอประมาณเนื่องจากโหม่งชนิดนี้มีเสียงดังกังวานยาวนาน
จึงนิยมตีห่างๆ คือสองฉิ่งสอง ฉับต่อการตีโหม่งครั้งหนึ่ง แต่ถ้าเป็นวงกลองยาวหรือวงมังคละ จะนิยมตีลง
ที่จังหวะหนัก(ฉับ)ตลอดโดยไม่เว้น
แตระพวงหรือกรับพวง

เป็นกรับชนิดหนึ่งตอนกลางทำด้วยไม้บางๆหรือแผ่นทองเหลือง หรืองาหลายๆอันและทำไม้แก่น
2อันเจาะรูตอนหัวร้อยเชือกประกบไว้ 2 ข้างเหมือนด้ามพัดเวลาตีใช้มือหนึ่งถือตรงหัวทาง
เชือกร้อย แล้วฟาดลงไปบนอีกฝ่ามือหนึ่งเกิดเป็นเสียงกรับขึ้นหลายเสียง จึงเรียกว่ากรับพวงใช้เป็นอานัต
สัญญาณ เช่นในการเสด็จออกในพระราชพิธีของพระเจ้าแผ่นดิน เจ้าพนักงานจะรัวกรับ และใช้กรับพวงตีเป็น
จังหวะในการขับร้อง เพลงเรือ ดอกสร้อยและใช้บรรเลงขับร้องในการแสดง นาฏกรรมด้วย
ที่มา : https://beelove29045.wordpress.com
กลับด้านบน
ศิลปะ
ศิลปวัฒนธรรมการตกแต่งลวดลายบนเรือกอและ
วัฒนธรรมทางด้านศิลปะและการตกแต่งเรือกอและด้วยลวดลายจิตรกรรมต่าง ๆ เป็นจุดเด่นของ
เรือกอและในภาคใต้ทำกันแพร่หลายมากโดยไม่ใช่ตั้งใจที่จะทำเพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่มีความเชื่อ
ทางด้านศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง

วัสดุอุปกรณ์ในการเขียนลวดลายจิตรกรรมบนเรือกอและประกอบด้วย
1. วัสดุที่ใช้ถ้าเป็นของพื้นบ้านต้องมีแปรงทาสี พู่กัน มีดินสอ
2. ภาชนะใส่สี มีน้ำมันก๊าด ผ้าเช็ดสี จานสี
3. ที่สำคัญก็คือ สีน้ำมัน สีน้ำมันปกติถ้าเป็นจิตรกรรมเราใช้สีน้ำมันเป็นหลอด ที่ศิลปินเขียนกันแต่ว่าศิลปิน
พื้นบ้านที่นี่ใช้สีน้ำมันที่เป็นกระป๋อง เป็นประเภทสีเคลือบเรียกว่าสีเคลือบสังเคราะห์ สีที่ใช้ในการตกแต่ง
ลวดลายจิตรกรรมเรือกอและโดยทั่วไปมี 9 สี
3.1 กลุ่มที่หนึ่งได้แก่ สีเขียว สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน เป็นสีเขียนรองพื้นในส่วนต่าง ๆ
3.2 กลุ่มที่สองได้แก่ สีขาวผสม เป็นสีเขียวอ่อน เป็นสีชมพู สีเหลืองอ่อน แล้วก็สีฟ้า
3.3 สีกลุ่มที่สามได้แก่ สีขาว ดำ เป็นกลุ่มสีที่ใช้ในการตัดเส้นเน้นลวดลายต่าง ๆ ของเรือให้เกิดมีมิติสวยงาม
ขั้นตอนการลงสีเขียนลายลงบนเรือกอและ
1. ขั้นตอนการรองพื้น
เมื่อสร้างลำเรือขึ้นมาได้แล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องรองพื้นก่อนที่จะตกแต่งลวดลายจิตรกรรม การรองพื้น
ส่วนใหญ่แล้วจะรองพื้น 3 ชั้น และมีสีด้วยเช่น สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว รองพื้นตรงนี้ 3 เที่ยว วิธีการรองพื้นใช้สี
น้ำมันเป็นสีเคลือบสังเคราะห์ ระบายไปหนึ่งครั้งแล้วรอให้แห้งแล้วจึงระบายซ้ำลงไป จะซ้ำตอนสีไม่แห้งไม่ได้
รองพื้น 3 ชั้น การรองพื้นบนเรือกอและเวลารองพื้นจะไม่ใช้รองพื้นสีเขียวทั้งลำเรือหรือสีเหลืองทั้งลำ
แต่จะรองพื้น เช่น กาบเรือด้านล้างเป็นสีเขียว กาบเรือด้านบนสีแดง ลักษณะแบบนี้คือในการรองพื้นลักษณะ
จะได้เป็นสีพื้นแต่หลากสี โดยเจ้าของเรือสามารถที่จะบอกได้ว่าจะเอาเรือสีอะไร ในการบอกนั้นเจ้าของเรือมี
สิทธิ์บอกได้เฉพาะที่ท้องเรือว่าท้องเรือจะเอาสีอะไร แต่สำหรับเรือทั้งลำนั้นเป็นสิทธิ์หรือเป็นอารมณ์ความชอบ
ของศิลปินพื้นบ้าน เป็นคนวาด
2. การร่างภาพ
การร่างภาพจะร่างได้ 2 วิธีการด้วยกัน ก็คือร่างภาพที่สีอ่อนใช้สีอ่อน ๆ ร่างภาพลงไปแล้วอีกอย่าง
คือถ้าเป็นเครื่องประดับที่ละเอียดก็จะต้องร่างภาพด้วยดินสอ
3. การระบายสี
โดยทั่วไปหลังจากที่ร่างภาพแล้วจะระบายสีโดยเริ่มจากการลงสีในกลุ่มที่ 3 ก่อน คือสีกลางก่อนรอ
ให้แห้งแล้วก็ลงสีกลุ่มที่สองซึ่งสีจะเข้มในส่วนของเงาแล้วก็ปล่อยให้แห้หลังจากนั้นลงสีอีกครั้งหนึ่งลงสีขาว
ในส่วนที่เป็นแสงจับแล้วจะใช้สีดำในการตัดเส้นเพื่อให้เกิดภาพที่สวยงาม
เรือกอและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนกับเรือทั่วไปในประเทศ การตกแต่งลวดลายจิตรกรรม
ที่งามวิจิตรพิศดารบนเรือกอและตลอดทั้งลำคุณค่าของเรือกอและที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการเป็นยานพาหนะ
สำหรับประกอบอาชีพประมงในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้เรือกอและสามารถบอกเรื่องราวโดยเริ่มจาก
ชาวประมงใช้เรือกและเพื่อการติดต่อกับเพื่อนบ้าน เพื่อนันทนาการคือการแข่งขันประชันความเร็วเรือกอ
และด้านวัฒนธรรมทางศิลปกรรมของชนพื้นบ้านที่สามารถสะท้อนและแสดงออกถึงวัฒนธรรท้องถิ่นที่ประสม
ประสานหลายวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ซึ่งนับว่าเรือกอและน่าจะเป็นมรดกและวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าแก่การ
ถ่ายทอดต่อไป
ที่มา : http://www.stou.ac.th/study/projects/training/culture/content/net3-55/page1-3-55.html
กลับด้านบน
|