สวยศิลป์ล้านนาเสน่หาทะเลหมอก ป่าไม้งามหลายน้ำตกมรดกประเพณี ชนเผ่ามีมากหลากผ้าทอมือ เลื่องลือฟ้อนเล็บ เก็บภาพขันโตก เสน่ห์โลกถิ่นเหนือ

สุขศึกษาและพลศึกษา

[โรคประจำถิ่น] [การละเล่น]

ไอ

                                                                                       โรคระบบทางเดินหายใจ เกิดเพราะฝุ่น PM 10
                                             คุณหมอชัยวัฒน์เล่าถึงสาเหตุของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจนี้ว่า
                                            “ที่เป็นปัญหามากในหน้าร้อนของภาคเหนือ คือ เนื่องจากจะมีไฟป่า ซึ่งเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่
                                              กำจัดหญ้า หลังฤดูเก็บเกี่ยว ส่วนใหญ่เป็นไร่ที่ทำการเพาะปลูกถั่ว ตามวิถีชีวิตการทำมาหากิน
                                              ซึ่งทำให้เกิดมลพิษทางอากาศที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
                                              “จะพบว่าช่วงเดือนมีนาคม คนภาคเหนือจะป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจกันมาก ไม่ว่าในโรงพยาบาลใหญ่
                                               หรือโรงพยาบาลเล็กๆ จะพบผู้ป่วยมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีระดับฝุ่น PM10 เป็นจำนวนมาก
                                              โดยฝุ่น PM 10 เป็นฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 10 ไมครอนลงมา จัดฝุ่นละอองที่เป็นมลพิษ”
                                              นอกจากนี้ดร.ณรงพันธ์ ฉุนรัมย์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                                               สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ยังอธิบายสาเหตุที่
                                               ทำให้เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่พบปัญหาฝุ่นควันพิษรุนแรงที่สุดว่า
                                              “ช่วงสามปีที่ผ่านมาจนถึงปีที่แล้ว เชียงใหม่มีปัญหาหมอกควัน เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแอ่ง
                                              ที่เรียกว่าแอ่งเชียงใหม่ – ลำพูน เมื่อเผาป่ากันมากขึ้น และเป็นช่วงที่ลมนิ่ง จะทำให้ลมไม่สามารถพัดเอาฝุ่นควัน
                                              ลอยออกจากแอ่งไปได้ มลพิษจึงตกอยู่ในเมือง”เมื่อมีฝุ่น PM 10 ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมากจึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ
                                               “ฝุ่น PM 10 ก่อให้เกิดอาการ เช่น ระคายเคืองเยื่อบุจมูก มีอาการเจ็บคอ
                                              เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือคนที่มีโรคหืดหรือถุงลมโป่งพองเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว
                                              เมื่อสูดละอองฝุ่นพิษเข้าไป อาจทำให้อาการกำเริบได้“นอกจากนี้เรากำลังศึกษาอยู่ว่า                                                                                       คนในภาคเหนือที่ต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศจากไฟไหม้ป่าสัมพันธ์กับอุบัติ
                                               การณ์การเป็นมะเร็งปอดที่มีสูงกว่าคนในภาคอื่นๆ หรือไม่”
                                               จากปัญหาที่เรื้อรังมานานปีนี้ และการฟุ้งกระจายของฝุ่นควันที่ควบคุมได้ยาก
                                                วิธีการป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทุกคนสามารถทำได้ทันทียามวิกฤต

                                                ป้องกันก่อนป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจหน้าร้อนภาคเหนือ
                                                คุณหมอชัยวัฒน์แนะนำวิธีป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจจากฝุ่นควันพิษไว้ดังต่อไปนี้
                                                1.ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อช่วยลดการหายใจเอาฝุ่นควันพิษเข้าไป ถ้าระดับฝุ่นควันมีมากให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก
                                                2.เมื่อมีปริมาณฝุ่นละอองมาก ให้งดออกกำลังกายในที่โล่ง เพื่อป้องกันไม่ให้สูดเอาฝุ่นควันเข้าร่างกาย
                                                3.ทุกครัวเรือนควรงดเผาขยะ เพื่อลดจำนวนฝุ่นควันที่จะเพิ่มขึ้นในละแวกบ้าน

                                                  ที่มา: http://www.cheewajit.com/featured/โรคฮิตหน้าร้อนประจำภาค-2/                   

กลับด้านบน

 

4444

การละเล่นภาคเหนือ

2

                                                ชื่อการละเล่น: ชนกว่าง

                                                กว่าง เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลด้วงมี ๖ ขา แต่ละขามีเล็บสำหรับเกาะยึดกิ่งไม้
                                                ใบไม้ได้อย่างมั่นคง กว่างบางชนิดมีเขา บางชนิดไม่มีเขาบางชนิดไม่นิยมนำมาเลี้ยง บางชนิดนิยมเลี้ยง
                                                ไว้ดูเล่นเช่น กว่างซาง กว่างงวง กว่างกิ กว่างกิอุ และกว่างอี้หลุ้มกว่างซาง เป็นกว่างตัวโต
                                                ปีกและลำตัวสีน้ำตาลหรือสีแดงด้าน ๆ มีเขาด้านบน ๕ เขา ด้านล่าง ๓ เขาเขาด้านล่างขยับหนีบ
                                                เข้าหากันได้มักกินหน่อไม้ซางเป็นอาหาร อุปนิสัยอืดอาดช้าจึงไม่นิยมนำมาเลี้ยง
                                                กว่างงวง เป็นกว่างที่มีลำตัวกลม ปีกสีแดง ส่วนหัวสีดำ มีเขาบนเขาเดียวงอโง้งเหมือนงวง
                                                กว่างกิเป็นกว่างตัวเล็กเขาบนสั้นมากจนเกือบกุด ส่วนเขาล่างยาวกว่า
                                                กว่างกิอุจะตัวโตกว่าและเขาบนจะยาวกว่า
                                                กว่างอีหลุ้ม หรือกว่างแม่มูด เป็นกว่างตัวเมีย ไม่มีเขามักนิยมนำมาใช้ล่อในการชน

                                                อุปกรณ์ในการเล่น
                                                กว่างที่นิยมนำมาเลี้ยงไว้ชนนั้น จะเป็นกว่างตัวผู้และมีเขาทั้งบนและล่าง ปลายเขาจะแยกออกเป็นแฉกและแหลมคม
                                                เขาบนติดกับส่วนหัวไม่สามารถขยับได้ ส่วนเขาล่างสามารถขยับหนีบได้
                                                ซึ่งส่วนเขานี้เองคืออาวุธสำคัญในการต่อสู้กับศัตรกว่างชน
                                                ที่นิยมนำมาเลี้ยงไว้ชน ได้แก่ กว่างกิโตน กว่างแซม กว่างซ้ง กว่างรักน้ำปู๋และกว่างรักน้ำใส
                                                กว่างกิโตนนั้น เขาบนและเขาล่างยาวมาก แต่เขาล่างจะยาวกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นกว่างซ้น
                                                เขาบนและเขาล่างยาวมากและเท่า ๆ กัน ปลายเขาแหลมคม
                                                สำหรับกว่างแซม เขาจะสั้นเท่ากันทั้งบนและล่าง ส่วนกว่างรักน้ำปู๋ เป็นกว่างที่มีสีดำสนิททั้งตัว ถ้าเป็นกว่างรักน้ำใส
                                                จะมีสีดำออกแดงน้ำตาลเล็กน้อย
                                                ขณะเลี้ยงดูกว่างผู้เลี้ยงก็จะฝึกฝนทักษะการต่อสู้ด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น ใช้ไม้ไผ่เหลากลมสอดระหว่าง
                                                เขาทั้งคู่แล้วปั่น ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เพื่อฝึกปฏิกิริยาในการต่อสู้บางครั้งก็ใช้เชือกเส้นเล็กผูกติดกับเขาบน
                                                แล้วแกว่งเป็นวงกลมให้กว่างบินเป็นระยะ ๆ เพื่อฝึกกำลัง บางครั้งก็หากว่างตัวอื่น ๆ
                                                ที่มีกำลังด้อยกว่าคู่ซ้อม ให้เกิดความฮึกเหิม ฝึกฝนจนเห็นว่าพอจะนำไปเปรียบชน
                                                กับคนอื่นได้แล้ว จึงนำไปที่บ่อนชนกว่าง
                                                การเล่นชนกว่างตามบ่อนนับว่าสนุกมาก เพราะมีการเปรียบกว่างหลายคู่ มีการพนันขัน
                                                ต่อเข้ามาเพิ่มรสชาติด้วยตามอัธยาศัย เมื่อเปรียบกว่างและตกลงกันแล้วว่าจะชนกัน เจ้าของกว่างก็จะนำ
                                                กว่างมาเกาะท่อนอ้อย ซึ่งเปรียบเสมือนสนามประลอง โดยให้เกาะท่อนอ้อยทางด้านปลายทั้งสอง
                                                ให้เผชิญหน้ากันตรงกลางท่อนอ้อย จะฝังกว่างอีหลุ้มไว้ โดยให้ส่วนหลังโผล่ออกมา                                                                                                 หลังจากนั้นเจ้าของกว่างก็จะใช้ไม้ไผ่เหลาเสียบเขาให้กว่างเดินเข้ามาหาคู่ต่อสู้พอได้กลิ่นกว่างอีหลุ้ม
                                                กว่างทั้งสองก็จะเกิดการหวงและเข้าต่อสู้กัน โดยการ คามหรือเอาเขาประสานกัน
                                                ต่างฝ่ายต่างหนีบกัน โดยไม่เพลียงพล้ำ เมื่อกว่างตัวใดพยายามเบี่ยงตัวและชิงความได้เปรียบ
                                                โดยสามารถใช้เขาหนีบคู่ต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว ในขณะประสานเขาอยู่นั้น จะเรียกว่า
                                                ไหล แต่ถ้าได้เปรียบจนสามารถใช้ปลายเขางัดคู่ต่อสู้จนตัวลอย จะเรียกว่า แคะ
                                                บางตัวสามารถหนีบคู่ต่อสู้ด้วยเขาทั้งสอง ยกชูขึ้นลอยทั้งตัว ก็จะถือว่าได้ชัยชนะโดยเด็ดขาด
                                                บางตัวถึงตายเพราะถูกคู่ต่อสู้หนีบด้วยเขาในลักษณะนี้ แต่บางตัวก็ถอดใจ ล่าถอยไม่ยอมประสานเขาเรียกว่า
                                                ถอด และหันหลังหนีไปก็จะถือว่าแพ้ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่ากว่างของตนยังสู้ได้หรือไม่ เจ้าของจะจับกว่างมา
                                                พ่นน้ำหรือจับแกว่งให้บิน แล้วประลองใหม่ ถ้ากว่างตัวนั้นถอยหนีอีกก็จะถือว่าแพ้จริง ๆ

                                                โอกาสหรือเวลาที่เล่น

                                                ฤดูกาลเล่นชนกว่าง จะเริ่มต้นตั้งแต่กลางฤดูฝนไปจนถึงต้นฤดูหนาว โดยชาวบ้านจะไปจับตามกอไม้รวก                                                 ด้วยการเขย่าให้ตกลงมา ถ้าเห็นว่ามีลักษณะดีตรงตามชนิดที่จะสามารถนำมาเลี้ยงไว้ชนได้ก็จะนำมาเลี้ยง                                                 โดยให้อาหารจำพวกหน่อไม้ ลูกบวบ กล้วยสุก อ้อย

                                                แนวคิด
                                                ปัจจุบัน การเล่นชนกว่างยังคงนิยมเล่นกันอยู่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่เล่นมักนิยมไปเล่นในบ่อนเพื่อการพนัน                                                 แหล่งซื้อหากว่างที่รู้จักกันดีอยู่ตรงริมแม่น้ำปิง เชิงสะพานนวรัฐ ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่และตามกาดหรือตลาดทั่วไป

                                                ที่มา: http://www.prapayneethai.com/ชนกว่าง

5

 

กลับด้านบน

8

โครงงานบูรณาการ O-NET สามกลุ่มสาระการเรียนรู้
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี