ศิลปะ
[
นาฎศิลป์] [
ดนตรี] [
ศิลปะ]
การแสดงภาคกลาง

ชื่อ รำกลองยาว
การเล่นเถิดเทิง มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นของพม่านิยมเล่นกันมาก่อน เมื่อครั้งพม่ามาทำสงครามกับไทย ในสมัยกรุงธนบุรี หรือสมัยต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เวลาพักรบพวกทหารพม่าก็เล่นสนุกสนานด้วยการเล่น ต่าง ๆ ซึ่งทหารพม่าบางพวกก็เล่น “กลองยาว” พวกไทยเราได้เห็นก็จำมาเล่นกันบ้าง ยังมีเพลงดนตรีเพลงหนึ่งซึ่งดนตรีไทยนำมาใช้บรรเลง มีทำนองเป็นเพลงพม่า เรียกกันมาแต่เดิมว่า เพลงพม่ากลองยาว ต่อมาได้มีผู้ปรับเป็นเพลงระบำ กำหนดให้ผู้รำแต่งตัวใส่เสื้อนุ่งโสร่งตา ศีรษะโพกผ้าสีชมพู (หรือสีอื่น ๆ บ้างตามแต่จะให้สีสลับกัน เห็นสวยอย่างแบบระบำ)มือถือขวานออกมาร่ายรำเข้ากับจังหวะเพลงที่กล่าวนี้ จึงเรียกเพลงนี้กันอีกชื่อหนึ่งว่า เพลงพม่ารำขวาน
อีกความหนึ่งมีผู้กล่าวว่า การเล่นเทิงบ้องกลองยาวนี้ เพิ่งมีเข้ามาในเมืองไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทร์นี้เองกล่าวคือ มีพม่าพวกหนึ่งนำเข้ามาในรัชกาลนั้น ยังมีบทร้องกราวรำยกทัพพม่า ในการแสดงละครเรื่องพระอภัยมณี ตอน เก้าทัพ ซึ่งนิยมเล่นกันมาแต่ก่อน สังเกตดูก็เป็นตำนานอยู่บ้างแล้ว
รูปแบบและลักษณะการแสดง
ก่อนเล่นมีการทำพิธีไหว้ครู มีดอกไม้ธูปเทียน เหล้าขาว บุหรี่และเงินค่ายกครู 12 บาท การไหว้ครูใช้การขับเสภา เมื่อไหว้ครูแล้วจะโห่ขึ้น 3 ลา แล้วเริ่มแสดง โดยนักดนตรีประกอบเริ่มบรรเลงผู้ร่ายรำก็จะเดินและร่ายรำไปตามจังหวะกลอง มีท่าร่ายรำทั้งหมด 33 ท่า ท่าที่หวาดเสียวและตื่นเต้นมากที่สุดก็เห็นจะเป็นท่าที่ 30 - 31 คือท่าที่มีการต่อกลองขึ้นไป 3 ใบ ให้ผู้แสดงคนหนึ่งขึ้นไปยืนบนกลองใบที่ 3 แล้วควงกลอง และคาบกลอง ซึ่งผู้แสดงต้องใช้ความสามารพิเศษเฉพาะตัว ผู้ตีกลองยาวบางพวกก็ตีหกหัวกัน แลบลิ้นปลิ้นตา กลอกหน้ายักคิ้ว ยักคอไปพลาง และถ้าผู้ตีคนใดตีได้จนถึงกับถองหน้ากลองด้วยศอก โขกด้วยคาง กระทุ้งด้วยเข่า โหม่งด้วยเข่า โหม่งด้วยหัว เล่นเอาผู้ตีคลุกฝุ่นคลุกดินขะมุกขะมอมไปทั้งตัวสุดแต่จะให้เสียงกลองยาวดัง ขึ้นได้เป็นสนุกมาก และนิยมกันว่าผู้ตีกลองยาวเก่งมากผู้เล่นก็ภูมิใจ นอกจากนั้นก็มีคนรำแต่งตัวต่าง ๆ สุดแต่สมัครใจ คนดูคนใดรู้สึกสนุกจะเข้าไปร่วมรำด้วยก็ได้เพราะเป็นการเล่นอย่างชาวบ้าน
การแต่งกาย
ในสมัยปัจจุบันกรมศิลปากรได้ปรับปรุงการแต่งกายและกำหนดไว้เป็นแบบฉบับ คือ
1. ชาย นุ่งกางเกงขายาวครึ่งแข้ง สวมเสื้อคอกลม แขนสั้น เหนือศอก มีผ้าโพกศีรษะและผ้าคาดเอว
2. หญิง นุ่งผ้าซิ่นมีเชิงยาวกรอมเท้า สวมเสื้อแขนกระบอกคอปิด ผ่าอกหน้า ห่มสไบทับเสื้อ สวมสร้อยตัวคาดเข็มขัดทับนอกเสื้อ สร้อยคอ และต่างหู ปล่อยผมทัดดอกไม้ด้านซ้าย
ที่มา https://sites.google.com/site/ajanthus/ra-klxng-yaw
กลับด้านบน
เครื่องดนตรีพื้นบ้านภาคกลาง
1.ชนิดเป่า

1.1 ขลุ่ย ของไทยเป้นขลุ่ย คือ มีที่บังคับแบ่งกระแส ลม ทำให้เกิดเสียงในตัวไม่ใช่ขลุ่ยผิว ขลุ่ยไทยมีหลายขนาด ได้แก่ ขลุ่ย อู้ มีเสียงต่ำที่สุด ระดับกลาง คือ ขลุ่ยเพียงออ เสียงสูง ได้แก่ ขลุ่ยหลีบ และยังที่ม เสียงสูงมากกว่านีคือ ขลุ่ยกรวด
2.ชนิดสี

2.1 ซอสามสาย เป็นซอ ที่มีรูปร่างงดงามที่สุด แล้ว ซอสามสายขึ้นเสียง ระหว่างสายเป็นคู่สีใช้ บรรเลงประสมเป็นวงมโหรี
3.ชนิดตี

3.1 ระนาดทุ้ม ทำด้วยไม้ใผ่ หรือไม้เนื้อแข็งมีผืนละ ๑๘ ลูก มีรูปร่างคล้ายระนาดเอกแต่เตี้ยกว่าและกว้างกว่าเล็กน้อย ระนาดทุ้มใช้บรรเลงหยอกล้อกับระนาดเอก
ที่มา https://sites.google.com/site/nuengruethaimusic/
กลับด้านบน
เครื่องปั้นดินเผา (ภาคกลาง)

เครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ
เป็นภูมิปัญญาที่มีมรดกตกทอดมากกว่า 200 ปี เป็นชุมชนชาวมอญที่ได้อพยพมาจากอำเภอ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทรัพยากรดินที่ชุมชนบ้านมอญได้มาตั้งถิ่นฐานมีจำนวนมากที่จะประกอบอาชีพการทำเครื่องปั้นดินเผาได้ จึงได้สืบทอดการทำเครื่องปั้นดินเผาจนเป็นภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผาได้ จึงได้สืบทอดจนเป็นหมู่บ้านภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดเป็นศูนย์สาธิตด้านกระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดของชุมชนด้านภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผา เพื่อเยาวชนรุ่นหลังและผู้มาเยี่ยมชม
วัสดุอุปกรณ์ในการทำเครื่องปั้นดินเผา
๑. ดินเหนียว จะต้องเป็นดินเหนียวปราศจากวัชพืชหรือเศษกรวดทรายปนอยู่ในเนื้อดิน เนื้อดินต้องมีลักษณะเหนียว มีสีนวลปนเหลือง เนื้อดินจับเป็นก้อนแน่นไม่ร่วนซุย ผสมด้วยทรายละเอียด นวดผสมเนื้อดินกับทรายให้เข้ากัน
๒. แป้นหมุน ใช้สำหรับขึ้นรูปแจกัน โอ่ง อ่าง หม้อ ครก ฯลฯ
๓. เหล็กขูด หรือไม้ขูด ใช้สำหรับตกแต่ง ขีด ปาด เขียนลวดลายบนภาชนะ
๔. ผ้าคลุมดิน ใช้สำหรับคลุมดินไม่ให้ดินแห้งแข็งเร็วก่อนกำหนด ขณะที่ผลงานยังไม่เสร็จ
๕. ไม้แกะสลักทำด้วยไม้ไผ่ ใช้สำหรับแกะสลักลวดลาย
ขั้นตอนการทำเครื่องปั้นดินเผา
๑. นำดินที่นวดแล้ววางบนแป้นหมุน
๒. ตกแต่งรูปทรง ขนาด ความหนาให้เรียบร้อย ใช้กะลาหรือหินขัด ตกแต่งรูปทรงให้สมส่วนแล้วนำมาผึ่งให้แห้ง
๓. กำหนดลวดลายที่ต้องการลงบนภาชนะที่ต้องการ
๔. ใช้เครื่องมือที่ทำด้วยไม้ไผ่หรือเหล็กขุด แกะตามลายที่กำหนดให้
๕. ตกแต่งลวดลายให้สวยงาม เก็บเศษดินที่ติดตามร่องหรือซอกลายออกให้หมด
๖. นำภาชนะที่แกะเรียบร้อยแล้วไปผึ่งในที่ร่มโล่ง โปร่ง ห้ามผึ่งในที่มีแดดแรงเพราะจำทำให้ภาชนะที่ปั้นแตกร้าวได้
๗. นำภาชนะแกะตกแต่งที่แห้งแล้วไปเข้าเตาเผา เผาด้วยอุณหภูมิประมาณ ๘๐๐
องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ ๒๒-๒๕ วัน
๘. ผลงานที่เผาเสร็จจะมีสีเนื้อดินเป็นสีส้ม อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด
ที่มา http://5402018.blogspot.com/p/blog-page_7419.html
กลับด้านบน