สุขศึกษาและพลศึกษา
[การละเล่น] [โรคประจำถิ่น]
การละเล่นของภาคใต้
ภาคใต้จังหวัด นราธิวาส อุปกรณ์และวิธีการเล่นอุปกรณ์
๑. ยางวง (ยางเส้น) วงใหญ่ หรือวงเล็กก็ได้ แล้วแต่ความชอบและความถนัด
๒. ผู้เล่นจำนวนตั้งแต่ ๒ คน หรือมากกว่า เล่นทั้งเด็กชายและเด็กหญิงบางครั้งอาจเล่นเป็นทีมก็ได้
๓. สถานที่ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ
วิธีการเล่น
เป่า กบเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกันทั้งเด็กชายและหญิง ผู้เล่นมีจำนวน ๒ คน หรือเป็นทีมก็ได้ สถานที่เล่น
ในที่ร่ม ใช้พื้นที่เรียบ ๆ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ ซึ่ง ผู้เล่นจะเอายางเส้น (ยางวง) จะเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่
หรืออาจจะเป็นวงสีต่าง ๆ อยู่ที่ความชอบ ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น นำมาวางบนพื้นคนละ ๑ เส้น
ให อยู่ห่างกันประมาณ
๑ ฟุต ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้น (ยางวง) ของตนไปข้างหน้าทีละน้อย ๆ จนยางเส้นทั้งสองมาอยู่ใกล้กันผุ้เล่นคนใดเป่าให้ยางเส้น
ของตนไปทับยางเส้น
ของ ฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้น (ยางวง)
แต่อาจให้รางวัลอื่น ๆ ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน
โอกาสหรือเวลาที่เล่น
การเล่นเป่ากบของเด็ก ส่วนใหญ่เล่นกันในเวลาที่ว่าง และมีอุปกรณ์พร้อมที่จะเล่นกันทั้งสองฝ่าย
คุณค่า / แนวคิด/ สาระ
๑. การเล่นเป่ากบ เป็นการเล่นที่ให้ความสนุกสนานแล้วยังเป็นการฝึก การรู้กำหนดจังหวะและกะระยะด้วย
๒. การเล่นเป่ากบเป็นการฝึกสังเกต ไหวพริบในการเป่าของคู่ต่อสู้
ซึ่งจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เด็กรู้จักคิดให้รอบคอบก่อนที่จะเป่า ถ้าเป่าโดยไม่คิดอาจจะผิดพลาดได้ จนทำให้ต้องแพ้
๓. เป็นการฝึกเด็กรู้จักความรัก ความสามัคคี
ที่มา http://pirun.ku.ac.th/~b5410302206/Page6.html
กลับด้านบน
โรคตาแดง
สคร.11 เตือนภาคใต้ตอนบนระวังโรคตาแดงระบาด ตรวจพบมีผู้ป่วยกว่าหมื่นรายแล้ว...
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2557 นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัด
นครศรีธรรมราช เผย จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของกลุ่มระบาดวิทยาและข่าวกรอง สคร.11 ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค - 6 ธ.ค. 57 พบผู้ป่วยโรคตาแดง 15,288 คน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศหญิง
มากว่าเพศชาย ส่วนใหญ่พบเป็นเด็กนักเรียนอายุ 5-9 ปี สำหรับจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือจังหวัดระนอง ภูเก็ต
ชุมพร กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ตามลำดับนพ.ภาณุมาศ กล่าวเพิ่มเติม โรคตาแดงพบได้ทุกเพศทุกวัย
เป็นโรคที่ติดต่อง่าย โดยติดต่อกันจากการสัมผัสมากที่สุด ทั้งสัมผัสกับน้ำตา ขี้ตาหรือสัมผัสของใช้ของผู้ป่วย เช่น ผ้าขนหนู
ผ้าเช็ดหน้าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อป่วยแล้วต้องหยุดเรียน หยุดงานประมาณ 7 วัน เพื่อป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้อื่น ล้างมือด้วยน้ำ
และสบู่บ่อยๆ จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างดีสำหรับวิธีรักษาโรคตาแดงจะใช้การรักษาตามลักษณะอาการของโรค เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้ โดยตรง ถ้ามีขี้ตามากก็หยอดยาปฏิชีวนะ หากมีไข้ เจ็บคอ ใช้ยาแก้อักเสบร่วมด้วย
กับยาลดไข้ ยาลดปวดโดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแดงอย่างรุนแรง ไม่ควรทำงานดึกควรนอนให้เพียงพอ และควรสวมแว่นกันแดด
เพื่อป้องกันแสงโดยทั่วไป แล้วโรคตาแดงมักจะไม่ทำให้ปวดตามากหรือตามัว สิ่งที่ควรระวังคือ หากเป็นโรคนี้แล้ว
มีอาการปวดตามาก ตาแดงมาก ตามัว หรือมองสู้แสงไม่ได้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นโรคอื่น เช่น ต้อหิน ม่านตาอักเสบ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาช้าอาจเกิดความพิการอย่างถาวรของตาได้ นพ.ภาณุมาศ กล่าว.
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/470973
กลับด้านบน
|