เสน่ห์ปะการัง เยือนยังทะเลมรกต สวยสดป่าไม้ ไข่มุกขึ้นชื่อ เลื่องลือ นกน้ำ ถิ่นถ้ำกลางทะเล เสน่ห์ เรือกอและ แวะน้ำตกอุดม ชมหมู่เกาะ ไพเราะนกเขาชวา ศิลป์ล้ำค่าปักษ์ใต้

ประวัติ

สุขศึกษาและพลศึกษา

[การละเล่น] [โรคประจำถิ่น]

 

การละเล่นของภาคใต้


คำอธิบาย: http://pirun.ku.ac.th/~b5410302206/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A.jpg


                                      ภาคใต้จังหวัด  นราธิวาส อุปกรณ์และวิธีการเล่นอุปกรณ์
                                                      ๑. ยางวง (ยางเส้น) วงใหญ่ หรือวงเล็กก็ได้ แล้วแต่ความชอบและความถนัด
                                                      ๒. ผู้เล่นจำนวนตั้งแต่ ๒ คน หรือมากกว่า เล่นทั้งเด็กชายและเด็กหญิงบางครั้งอาจเล่นเป็นทีมก็ได้
                                                      ๓. สถานที่ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ 
                       วิธีการเล่น 
                                      เป่า กบเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกันทั้งเด็กชายและหญิง ผู้เล่นมีจำนวน ๒ คน หรือเป็นทีมก็ได้ สถานที่เล่น
                       ในที่ร่ม ใช้พื้นที่เรียบ ๆ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ  ซึ่ง ผู้เล่นจะเอายางเส้น (ยางวง) จะเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่
                       หรืออาจจะเป็นวงสีต่าง ๆ อยู่ที่ความชอบ ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น นำมาวางบนพื้นคนละ ๑ เส้น ให อยู่ห่างกันประมาณ
                       ๑ ฟุต ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้น (ยางวง) ของตนไปข้างหน้าทีละน้อย ๆ จนยางเส้นทั้งสองมาอยู่ใกล้กันผุ้เล่นคนใดเป่าให้ยางเส้น
                       ของตนไปทับยางเส้น  ของ ฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้น (ยางวง)
                       แต่อาจให้รางวัลอื่น ๆ ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน 
                       โอกาสหรือเวลาที่เล่น 
                                      การเล่นเป่ากบของเด็ก ส่วนใหญ่เล่นกันในเวลาที่ว่าง และมีอุปกรณ์พร้อมที่จะเล่นกันทั้งสองฝ่าย  
                        คุณค่า / แนวคิด/ สาระ 
                       ๑. การเล่นเป่ากบ เป็นการเล่นที่ให้ความสนุกสนานแล้วยังเป็นการฝึก การรู้กำหนดจังหวะและกะระยะด้วย
                       ๒. การเล่นเป่ากบเป็นการฝึกสังเกต ไหวพริบในการเป่าของคู่ต่อสู้  
                      ซึ่งจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เด็กรู้จักคิดให้รอบคอบก่อนที่จะเป่า ถ้าเป่าโดยไม่คิดอาจจะผิดพลาดได้ จนทำให้ต้องแพ้ 
                       ๓. เป็นการฝึกเด็กรู้จักความรัก ความสามัคคี                

ที่มา http://pirun.ku.ac.th/~b5410302206/Page6.html

กลับด้านบน

โรคตาแดง

 

 

                                    สคร.11 เตือนภาคใต้ตอนบนระวังโรคตาแดงระบาด ตรวจพบมีผู้ป่วยกว่าหมื่นรายแล้ว...
                                    เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2557 นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัด
                                    นครศรีธรรมราช เผย จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของกลุ่มระบาดวิทยาและข่าวกรอง สคร.11 ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
                                    ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค - 6 ธ.ค. 57 พบผู้ป่วยโรคตาแดง 15,288 คน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศหญิง
                                    มากว่าเพศชาย ส่วนใหญ่พบเป็นเด็กนักเรียนอายุ 5-9 ปี สำหรับจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือจังหวัดระนอง ภูเก็ต   
                                    ชุมพร กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ตามลำดับนพ.ภาณุมาศ กล่าวเพิ่มเติม โรคตาแดงพบได้ทุกเพศทุกวัย
                                    เป็นโรคที่ติดต่อง่าย โดยติดต่อกันจากการสัมผัสมากที่สุด ทั้งสัมผัสกับน้ำตา ขี้ตาหรือสัมผัสของใช้ของผู้ป่วย เช่น ผ้าขนหนู
                                    ผ้าเช็ดหน้าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อป่วยแล้วต้องหยุดเรียน หยุดงานประมาณ 7 วัน เพื่อป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้อื่น ล้างมือด้วยน้ำ
                                    และสบู่บ่อยๆ จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างดีสำหรับวิธีรักษาโรคตาแดงจะใช้การรักษาตามลักษณะอาการของโรค                                     เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้ โดยตรง ถ้ามีขี้ตามากก็หยอดยาปฏิชีวนะ หากมีไข้ เจ็บคอ ใช้ยาแก้อักเสบร่วมด้วย
                                    กับยาลดไข้ ยาลดปวดโดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแดงอย่างรุนแรง ไม่ควรทำงานดึกควรนอนให้เพียงพอ และควรสวมแว่นกันแดด
                                    เพื่อป้องกันแสงโดยทั่วไป    แล้วโรคตาแดงมักจะไม่ทำให้ปวดตามากหรือตามัว สิ่งที่ควรระวังคือ หากเป็นโรคนี้แล้ว
                                    มีอาการปวดตามาก ตาแดงมาก ตามัว หรือมองสู้แสงไม่ได้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นโรคอื่น เช่น ต้อหิน ม่านตาอักเสบ                                       ซึ่งถ้าได้รับการรักษาช้าอาจเกิดความพิการอย่างถาวรของตาได้ นพ.ภาณุมาศ กล่าว.

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/470973

กลับด้านบน

 

โครงงานบูรณาการ O-Net สามกลุ่มสาระการเรียนรู้
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี